ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จุดจำหน่ายประมาณ 25,000 แห่ง รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า ได้หยุดให้บริการถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแก่ผู้บริโภค ในซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในกรุงเทพฯ นักช้อปบางคนใส่สินค้าที่ซื้อไว้ในกระเป๋า ส่วนรายอื่นๆ จะซื้อถุงที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ถุงผ้า ถุงผ้าไม่ทอ และถุงกระดาษ
ปัจจุบันผู้ค้าสินค้าสามารถใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อเก็บสินค้าได้สี่ประเภท:
อาหารหลังจากอุ่นในเตาไมโครเวฟ
อาหารเปียกที่มีน้ำผลไม้ อาหารกระป๋อง และอาหารเหนียว
เนื้อสัตว์ อาหารทะเล;
ผลไม้และผัก
ประเทศไทยใช้ถุงพลาสติกประมาณ 45 พันล้านใบต่อปี โดย 40% ถุงพลาสติกประมาณ 18 พันล้านใบมาจากตลาดแบบดั้งเดิมหรือแผงขายของริมถนน และ 30% หรือประมาณ 13.5 พันล้านใบมาจากผู้ค้าปลีก และ 30% จากซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า ดูกรุงเทพเป็นตัวอย่าง เทศบาลกรุงเทพมหานครเคลียร์และขนส่งถุงพลาสติกมากถึง 80 ล้านใบทุกวัน ประชากรของประชาชนมีประมาณ 10 ล้านคน โดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วไปใช้ถุงพลาสติกถึง 8 ใบต่อวัน ดังนั้นมลภาวะทางทะเลที่เกิดจากขยะพลาสติกจึงกลายเป็นปัญหาร้ายแรงในประเทศไทย
วัตถุประสงค์ของการห้ามใช้พลาสติกในเวลานี้คือเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวลง 30% ต่อปี ซึ่งก็คือถุงพลาสติก 13.5 พันล้านใบ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังหวังที่จะบรรลุเป้าหมาย "ประเทศไทยไร้พลาสติก" ภายในปี 2564